ประสบการณ์ครั้งแรกกับ การเล่นดนตรีในเรือนจำ

ประสบการณ์ครั้งแรกกับ การเล่นดนตรีในเรือนจำ

การเล่นดนตรีในเรือนจำ

“ เสียงดนตรีบำบัดจิตใจ เสียงดนตรีสามารถสร้างโลกได้ ”

เช้าวันนี้ 5 กค. เสียงไลน์ทักมาจากพี่มินท์ โปรดิวเซอร์สาวหล่อ ค่ายเพลง Indy I do มาแต่เข้า
เห็นข้อความแล้ว คิดว่าจะมีงานอัดเสียงโฆษณา หรือสปอตวิทยุ เหมือนเช่นเคย
แต่ว่าวันนี้ข้อความที่ได้รับกลับทำให้ผมตื่นเต้นมาก เพราะพี่มินท์บอกว่า มีเพื่อนพี่มินท์คนนึง จะชวนไปเล่นดนตรีในเรือนจำ วันที่ 18 กค.
เลยอยากจะชวนผมและเพื่อนอีกสักคน ไปร่วมเล่นดนตรี เหมือนเป็นดนตรีบำบัด

การเล่นดนตรีในเรือนจำ

“โอ้ววววววว!!! มันว้าว มากกกก” ผมเล่นดนตรีมานานผ่านสถานที่มากมาย งานหลายรูปแบบมาเยอะ แต่งานนี้ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ของผมเลยทีเดียว
ไม่รอช้าตบปากรับคำไปช่วยทันที และโทรหามือกีต้าร์คู่ใจไปช่วย ก็คือเต้ย แห่ง #iHearBand ซึ่งเต้ยก็ตื่นเต้น และยินดีไปร่วมงานเหมือนกัน

เบื้องต้นก่อนที่จำเข้าไป พี่มินท์บอกทางเรือนจำ ของสำเนาบัตรประชาชน ลิสเพลง ว่าจะเล่นเพลงไร อุปกรณ์เครื่องดนตรี มีกี่ชิ้น อะไรบ้าง
และห้ามนำอุปกรณ์สื่อสารเข้าไป แต่งานนนี้ผมขออนุญาตเอา iPad เข้าไปเพื่อดูเนื้อเพลงเป็นกรณ๊พิเศษ
หลังจากส่งข้อมูลหลักฐาน ขั้นต่อมาคือเลือกเพลง ในใจคิดว่าต้องหาเพลงให้กำลังใจ เพื่อช่วยให้เขามีพลังในการดำเนินชีวิตในเรือนจำ ผมก็ค้นเพลงในใจไว้ดังนี้
“ กำลังใจ, เก็บตะวัน, รางวังแด่คนช่างฝัน ,ทะเลใจ, ผู้ชนะ ,ศรัทธา “ เป็นต้น

ขั้นตอนการเข้าไปทำกิจกรรมในเรือนจำถือว่าเคร่งครัด ต้องผ่านองค์กร และโครงการจากทางรัฐ ซึงโครงการนี้ชื่อว่า
“โครงการสานพลังชุมชน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังหญิง เรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา”…
โดยงานนนี้ เป็นงานจากคณะวิจัย โครงการสานพลังชุมชน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังหญิง ซึ่งสนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
วันที่เราจะไปทำกิจกรรมคือวันปิดโครงการนี้ ทางโครงการเลยอยากจะจัดกิจกรรมมอบประกาศแก่ผู้ต้องขังที่เข้าร่วมโครงการ และให้มีดนตรี สันทนาการ เพื่อผู้ต้องขัง

เช้าวันที่18 เราออกเดินทางจาก กทม. ด้วยรถตู้ขอพี่พี่มินท์ เวลา 6.30น. ผมกับเต้ย มาด้วยสภาพง่วงนอนเพราะตื่นเช้า และจากงานดึกของคืนวันก่อนมา
เลยขอนอนพักบนรถ ฝากพี่มินท์ขับมาคนเดียว ( 😛 ) จนถึง เรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เวลา 8.30 น.
ตื่นมาด้วยความงัวเงีย กับภาพด้านหน้าเรือนจำ ซึ่งเหมือนสถานราชการทั่วไป แต่มีคนเยอะด้านนึง ซึ่งเป็นส่วนที่เขามารอพบญาติกัน โดยกำแพงเรือนจำที่สูง เป็นแบ็คกราวน์ด้านหลัง
หลังจากจอดรถ ก็มีน้องๆอาสา จาก ม.ธรรมศาสตร์มาช่วยยกของสองคน ไถ่ถามกัน ว่ามาจาก คณะศิลปกรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ อ.อู๊ด เพื่อนของพี่มินท์
ที่เป็นคนชวนพี่มินท์มาร่วมโครงการนี้ ซึ่งพี่สองคนเคยร่วมงานการกุศลมาหลายงานแล้ว

9.00 น. พอได้เวลา ทางเจ้าหน้าที่เชิญคณะเราเข้าไปรวมกันที่ประตูทางเข้า มีตรวจตราดูแลอย่างเคร่งครัด เราเดินเข้าประตูเหล็กชั้นแรก เป็นการสแกน ทุกอย่าง
อาหาร ของฝาก เครื่องดนตรี ส่วนของใช้ส่วนตัว กระเป๋า มือถือ เงิน กุญแจ ให้ฝากไว้ในล็อคเกอร์ที่ทางเรือนจำเตรียมไว้ให้
เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลเรื่องการเข้าภายในเขตเรือนจำ และทำการตรวจค้น แยกชาย หญิง โดนละเอียด และให้เซ็นขื่อก่อนเข้าด้านใน
เห็นความเคร่งครัดของผุ้ตรวจ และมองไปเห็นป้ายที่ติดไว้ด้านบนประตูทางเข้า
ประมาณว่า การตรวจค้นเป็นอำนาจที่พึงมี เป็นการเรียกศักดิ์ศรีของผู้คุม ถ้าละเว้นการทำงาน ไม่ตรวจ ไม่ค้น จะไม่มีใครเชื่อถือเรา
ผมจับใจความได้ประมาณนี้ อยากจะถ่ายรูป แต่มือถือก็ถูกเก็บไว้แล้ว จะถ่ายด้วย ipad ก็ไม่ได้ เป็นมารยาท และที่สำคัญ กลัวถ่ายแล้วโดนจับอยู่ต่อเลย 😛
ผู้คุมเลยต้องเตร่งครัดระเบียบมาก

และแล้ว…ประตูทางเข้าเรือนจำก็ถูกเปิด

แว๊บแรกที่เห้นด้านใน ภายในเรือนเป็นลานกว้างสะอาดตา มีอาคารนอน หลายตึก ต้นไม้เยอะ ร่มรื่น ดูต่างจากความคิดในหัวผมไปไกลมากกกก
มีเรือนเล็กหลังนึง เป็นสถานที่ทำงานของเจ้าหน้าที่ด้านใน เราเข้ามาแล้ว ยังมีการตรวจค้นอีกหนึ่งรอบ ก่อนที่จะมีผู้ต้องขังที่ทำหน้าที่พาเราเดินไปยังแดนหญิง
ทางเดินที่เข้าไป มีการปลูกต้นไม้ตลอดทาง ขนานกับกรงเหล็กที่อยู่ด้านข้าง เป็นการลดความกดดันภายใน ทำให้ไม่รู้สึกว่านี่คือ “คุก”

ส่วน “แดนหญิง” ที่เรามา มีผู้ต้องขังกว่า 500 คน ส่วนใหญ่เป็นคดียาเสพติด เท่าที่สังเกตุมีคนหลากหลายอายุมาก ทั้งวัยรุ่น ที่มองดูหน้าตาดี จนถึงยายแก่ๆ ที่มารอคณะของเรา
และทีมเครื่องเสียงที่มาทำก็เป็นผู้ต้องขังแดนชาย เอาเครื่องเสียงมาต่อให้ เป็นไมค์ลอย มีแอมป์กีต้าร์ มีมิกเซอร์อีกชุดนึง ที่ผ่านศึกมาพอสมควร เราเทสส์เสียงกันไป
ก็มีน้องๆผู้ต้องขังเอาน้ำมาให้ด้วยความยิ้มแย้ม ตอนแรกก็ทำตัวไม่ถูก แต่คิดอีกที ไม่เห็นจะมีอะไรแปลกเลย ทุกคนเป็นเหมือนเราทุกประการ มาทำให้เขามีความสุขดีกว่า

พอช่วงพิธีการ มีการมอบประกาศให้กับผู้ต้องขัง 27 คนที่เข้ามาร่วมกิจกรรม และมีกิจกรรมสันทนาการที่นำของรางวัลมาแจก ซึ่งเป็นพวกแชมพู ครีมอาบน้ำ ซึ่งดูมีค่าสำหรับทุกคนมาก เ
พราะรางวัลที่บอกนี้สามารถเรียกให้ทุกคนมาสนุกกันหน้าเวทีได้เยอะมาก

เอาแหล่ะ กิจกรรมต่างๆจบไปหมดแล้ว ต่อมา เป็นเรื่องของดนตรีแล้ว ภาพในหัว เพลงในหัวที่คิดมาได้เวลาใช้แล้ว
“ กำลังใจ, เก็บตะวัน, รางวังแด่คนช่างฝัน ,ทะเลใจ, ผู้ชนะ ,ศรัทธา “ ตอนนี้…ในหัวมีความตื่นเต้นเล็กน้อย

จังหวะที่ตีเกริ่น เพื่อเป็นการแซวและเรียกทุกคนคือ “ตึก โป๊ะ ตึกๆ โป๊ะๆ ตึก โปะ ตึกๆ ” ผมขึ้นสามช่ามาก่อนเท่านั้น จากทุกคนที่นั่งอยู่กับพื้น กลายเป็นลุกขึ้นเต้นเลย
อ้าวววว….ตอนนี้เพลงช้าที่เตรียมมาคงต้องหยุดไว้ก่อน เพราะชุดเพลงที่เล่นต่อจากวินาทีคือ ลูกทุ่ง สามช่า เพื่อชีวิต บอดี้แสลม
“สาวรำวง ผู้ชายในฝัน หลวงพ่อคูณ ขอใจเธอแลกเบอร์โทร พุ่มพวง คาราบาว สาวบางโพธิ์ ฯลฯ “ และมีขึ้นมาร้องแจมกับเราด้วย
มีช่วงหนึ่ง ตลกกับอารมณ์ขัน ของพี่ๆผู้ต้องขัง มีเพลงที่ผมอยากชวนเขามาร้อง คือ “ผู้สาวขาเลาะ” ถามเขาว่ามีใครร้องได้ไหม กลับมีเสียงตอบมาว่า
“เพลงใหม่ไป ไม่ทันเพลงนี้ เพราะเข้ามาในนี้ก่อน”
ทุกคนก็ขำเลยที่เดียว

ในวันนี้ผม เต้ย พี่มินท์ และชาวคณะ ได้เห็นทุกคนได้ปลดปล่อย ได้เต้น ได้ร้องเพลง ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ เพราะดนตรีที่เราเล่น
ได้สร้างความสุขอย่างแท้จริงให้กับคนกลุ่มนี้ กลุ่มคนที่เราไม่ได้รู้ว่าเบื้องหลังเขา มีความทุกข์ และโทษขนาดไหน
แต่เบื้องหน้า หนึ่งชั่วโมงเต็มที่ร้อง เต้น ร่วมกับทุกคน ทำให้หัวใจทุกคนเบิกบานมาก
เราปิดท้ายด้วยเพลงช้าให้กำลังใจ( อย่างที่เราเตรียมมาจริง หึหึ) คือเพลง เก็บตะวัน พร้อมกับทีมผู้ต้องหา กลุ่มร้องประสานเสียงอีกนับสิบคน ระหว่างที่ร้องเพลงนี้ สังเกต มีหลายคนยืนร้องพร้อม
ปาดน้ำตาไปด้วย ภายในจิตใจพวกเธอคงมีความหวังที่ตั้งใจไว้ และอีกไม่นานคงจะไปพบกับอิสรภาพ

ก่อนปิดกิจกรรม ผู้คุม ได้กล่าวขอบคุณชาวคณะ และกล่าวติดตลกปิดท้ายอีกว่า
“สนุกไหม “ ทุกคนตอบพร้อมกันว่า “สนุก “
“อยากให้กลับมาอีกไหม “ ตอบ “อยากให้มาอีก”
“จะรอพบพวกเขาอีกไหม” ทุกคนตอบ “ไม่รอค่ะ” แล้วหัวเราะกัน
(ในใจผมก็อยากบอกเหมือนกันครับ อย่ารอเลยครับ ถ้าคุณหมดโทษ ขอให้เดินออกไปข้างนอก และพบกับชีวิตที่ดีขึ้น อย่างที่คุณรอคอย)
หลังงานพี่อู๊ดบอกว่า ทุกทีเวลาทำกิจกรรมก่อนหน้านี้ เวลาก่อนเที่ยงแบบนี้ ทุกคนจะกระสับกระส่ายจะไปทานข้าว
แต่รอบนี้ทุกคน สนุกจนไม่อยากเลิก อยากจะเต้นกันต่อ
แต่งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกลา กิจกรรมจบในเวลาเที่ยง และทุกคนก็กลับออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง

ต้องขอขอบคุณ พี่มินท์ที่ชวนผมกับเต้ยมาร่วมกิจกรรมในวันนี้ ถ้ามีโอกาสอยากจะมาร่วมกิจกรรมอีกครั้งครับ
พี่อู๊ด และโครงการสานพลังชุมชน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังหญิง เรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มากครับ
ขอบคุณเจ้าหน้าที่เรือนจำ และผู้ต้องขังทุกคน ขอให้พบกับสิ่งที่ดี ที่รออยู่ข้างหน้านะครับ

ยินดีที่ได้มาร่วมงานวันนี้

แอ๊ป ธุวชิต วิไลโอฬาร

VDO สานพลังชุมชน โครงการอยุธยาเมืองเก่า ชุมชนแห่งความห่วงใย